ชีวิตหลังจากลาออกจากงานประจำ(มนุษย์เงินเดือน)!

ผมเคยทำงานประจำครับ ทำมาได้ตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานมาตลอดครับ โดยเริ่มจากทำงานในระบบมหาวิทยาลัย เป็นพนักงานอัตราจ้างครับ เงินเดือนพอถูกไถ ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีหนี้สินก็คงอยู่ได้ อย่างสงบสุขดีครับ จากนั้นไม่นานก็มาทำงานบริษัทเอกชนครับ ทำอยู่ได้ปีกว่าๆ ด้วยสาเหตุหลายประการเลยลาออกมา อยู่บ้าน.. แล้วช่วงของ ชีวิตหลังจากลาออกจากงานประจำ ก็เริ่มขึ้นครับ..

 
ยอดมนุษย์เงินเดือน


…เมื่อลาออกใหม่ๆ ผมทำอะไร? (ปัญหาเริ่มตามมา)
 
สิ่งแรกที่คิดเมื่อลาออกมาคือไม่อยากเป็น “มนุษย์เงินเดือน” อีกแล้ว!! จึงเป็นช่วงที่มีความสับสนมากครับว่าจะกลับไปทำงานที่อื่นอีกไหม? เข้าไปปรับปรุงข้อมูลประวัติตัวเองในเว็บสมัครงาน (ต้อง Update! ซะหน่อย) จากที่เคยสมัครไว้ และมีการปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อก่อนเข้าทำงานบริษัทเอกชน ผมเองเป็นคนมีประสบการณ์ไม่เยอะแต่ ระดับเงินเดือนกระโดดข้ามขั้นเยอะ เนื่องจากการจ้างงานในภาคใต้ (บ้านเกิดอยู่เมืองร้อยเกาะครับ) มีอัตราค่อนข้างถูกครับ เมื่อเข้ามาทำงานในเขตเมืองหลวงเงินเดือนก็เลยขยับมากพอสมควร หลังจากลาออกและมั่นใจในความสามารถและตั้งเงินเดือนในเว็บสมัครงานอย่างคิด ว่าคงไม่มีใครเรียกไปสัมภาษณ์อีกแล้ว เพราะด้วยความที่มีใจอยากอยู่ทำงานที่บ้านเลยตั้งมันไปสูงใช้ได้ จากนั้นไม่นานนักผมได้รับโทรศัพท์เข้าสมัครภาษณ์งาน (ไม่นำรวมบริษัทประกัน ที่ชอบมั่วโทรมา) จากบริษัทแนวหน้าของประเทศ ไม่ขอระบุแล้วกันครับเพราะเดี่๋ยวจะหายว่าผมโม้มากไป มีอยู่ประมาณ 5 บริษัทจากที่ลองนึกๆดูนะครับ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าผมไม่ได้ไปสัมภาษณ์เลยซักที่ แม้ว่าจะเป็นบริษัทที่ดังๆ ใหญ่ๆ !!

อยากรวย อยากปลดหนี้ อยากมีชีวิตที่มั่นคง

คนรอบข้างถามกันว่าทำไม คนที่รู้จักบริษัทเหล่านั้นถามว่าบ้าไหม? แล้วอยู่บ้านแล้วทำอะไร มันจะรอดเหรอ?? และอีกหลายๆ คำถามวนเวียนในสมองผมเป็นเวลานาน นับวันนี้ผมเองก็ยังคิดอยู่ว่าผมคงเลือกไม่ผิดมั่ง?? (ความมั่นใจลดลงโดนทักมาเยอะ!!)

…ผมทำอะไรอยู่หลังจากลาออกมา? (31 สิงหาคม 2554 จนถึงวันนี้..ผมยังอยู่ที่บ้าน)


ที่ผมทำอยู่เป็นงานที่ไม่ได้ตรงกับสายงานครับ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ มันเป็นเรื่องใหม่ๆ มีเรื่องให้ต้องคิดปวดหัวทุกวัน สิ่งที่ผมทำอยู่คือการทำธุรกิจครับ!! ทุกอย่าง ทุกเรื่องทำเอง รับผิดชอบเอง โดยความบังเอิญที่พี่สาว เปิดห้างหุ้นส่วนแล้วไม่ได้เข้ามาลงมือทำ ผมก็สานต่ออย่างบรรจงตอกเสาเข็ม เริ่มที่ละต้น นับทรายทีละเม็ด กิจวัตรประจำวันของผมที่ทำคือ เช้ามาตื่นเช้าไปส่งพี่สาวไปทำงานประจำ ผมเองก็กลับบ้านมานั่งรอรับโทรศัพท์ (ถ้าไม่มีไปซื้อสินค้าหรือส่งของให้ลูกค้า) เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาก็ทำตัวเป็นเซลล์ขายสินค้า แนะนำสินค้าตามเอกสารที่ศึกษามา จากนั้นก็ยืนนำเสนอใบเสนอราคาผ่านทางช่วงทาง ตามที่ติดต่อกับลูกค้าไว้ ทำแบบนี้ไปจนเย็น หากมียอดสั่งซื้อก็จัดเตรียมสินค้าให้ลูกค้า เพื่อส่งมอบ ตกเย็นรับพี่สาวกลับบ้าน มานั่งทำ ทำเอกสาร ทำบิล ใบเสร็จต่างๆ จบ 1 วันแบบ แบบเรียบง่าย ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ แบบนี้ต่อเนื่อง.. ถามว่าขาดทุนไหม? ผมไม่ค่อยขาดทุนครับ แต่ปัญหาคือผมมีหนี้สินที่ต้องชำระ งานที่ทำไม่มั่นคง (อาศัยจาก Internet Marketing ได้เล็กน้อย ไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนทำงานประจำได้เยอะ ซวยซ้ำซ้อน ประสาคนว่างงาน) แต่ใจก็สู้ทนอดทนมาเรื่อยครับ ท้อหลายครั้งแล้ว อยากกลับไปทำงานประจำหลายครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่กลับ ไม่อยากคิดถึงมันครับ..

…ความฝันที่อยากทำ แล้วลงมือทำหรือยัง? (ถ้ามันเป็นไปได้ ใครๆก็บินได้!!)
 
ไม่รู้มีคนเคยคิดเหมือนผมไหม?ครับ เวลาคุณนั่งรถไปไหน หรือขับรถผ่านตึกสูงๆ แล้วมาย้อนคิดดูว่าทำไม เราไม่เป็นเจ้าของตึกสูงๆ แบบนั้นบ้าง? ทำไมเราไม่เป็นเจ้าของรถหรูๆ ที่เราขับรถสวนกันเมื่อตะกี๊บ้าง? ทำไมล่ะ? เคยลองถามกันมั่งไหม?ครับ ผมยังฝันอยู่ครับ ตอนเด็กเคยโดนแม่ว่า “เราก็กินข้าว เขาก็กินข้าว” ทำไมทำไม่ได้ล่ะ? เวลาเราสอบได้เกรดน้อยๆ และถ้าลองคิดให้ดี เวลาของเราก็มีเท่าๆ กัน (เพราะเราไม่รู้ว่าเราตายวันไหนก็เลยถือว่าเท่ากันไว้ก่อน) เพราะ 1 วันก็มี 24 ชั่วโมงทุกวัน จริงไหม? สิ่งที่ผมพิมพ์ไม่ได้ต้องการให้ใครลาออกจากงานมาทำแบบผมนะครับ ผมแค่มาเล่าว่ามันเป็นยังไง มันเหนื่อยนะครับ ปวดหัวมากๆ ด้วย แต่ผมก็ยังไม่ลืมความฝันครับ และที่สำคัญ ผมได้มีโอกาสได้ลงมือทำ เมื่อโอกาสมันผ่านมาให้ผมคว้าไว้ก็เลยต้องทำจริงไหม? สิ่งที่ทำก็ต้องทำให้ดี ทำไปเรื่อยๆ นั้นล่ะครับ และผมก็จะพยามมาเล่าผ่านบล็อกนี้เรื่อยๆ เพื่อคอยเตอนความคิดตัวเองเสมอๆครับ..

…จากนี้ต่อไปจะเป็นยังไง? (จะรู้ไหมเนี้ย?)

ผมไม่รู้เลยครับว่าอนาคตผมจะเป็นอย่างไรแต่ ผมยังไม่ได้ทำที่อยากจะทำเลย ผมยังไม่มั่นคงเลย ปัญหา ปัญหา และปัญหา เยอะจนคิดไม่ออก บางครั้งผมชอบเอาไปคิด 2 – 3 วัน คิดทำไมก็ไม่รู้ พอถึงเวลามันก็แก้ได้มันเองครับ อาจจะเป็นคนที่แปลกก็ได้ครับที่ ชอบมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน แต่โชคยังดีครับที่ผมมีกำลังใจดีๆ จากคนรอบข้าง คอยดูแลกันเสมอๆครับ ชีวิตอันเหนื่อยๆก็ดีขึ้นเพราะสิ่งเหล่านี้ล่ะครับ มีสิ่งนึ่งที่คิดไว้คือผมอาจจะไปเรียนต่ออีกซักนิด หรือไม่ก็อาจจะเป็นสอบเข้าราชการในอนาคต (แต่ตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียม) และจะทำควบคู่ไปทั้งธุรกิจและเรียน+งานราชการครับ

..สำหรับมนุษย์เงินเดือน (คนที่ยังทำงานประจำอยู่)

ถ้าคุณมีโอกาสที่จะทำงานเพื่อตัวคุณ ก็อย่าทิ้งโอกาสที่มีนะครับ แต่ถ้ายังไม่มีโอกาสก็อย่า สุ่มๆ ลาออกมานะครับ (ผมไม่รับผิดชอบด้วยนะ) แต่ผมเชื่อว่าใครๆก็เบื่องานประจำเหมือนที่ผมเคยเบื่อ เบื่อรถติดเวลาไปทำงาน เวลาเลิกงาน เบื่อหลายๆอย่าง แต่ข้อดีของมนุษย์เงินเดือนก็คือ ทุกอย่างมั่นคง (ยกเว้นบริษัทไม่มั่นคง) เงินเดือนออกทุกเดือน (ผมไม่มีเงินเดือนนะตอนนี้) วันหยุดมีทุกแทบทุกเดือน (ณ ตอนนี้ถ้าผมหยุดเยอะก็ไม่มีอะไรกิน) และหลายๆ อย่างครับ อย่าลืมวางแผนนะครับ ถ้าคิดจะทำอะไร คิดถึงผลได้ผลเสียที่เกิดขึ้นด้วย คำนวณรายได้รายจ่ายให้แน่นอนนะครับ ^^

ขอบคุณที่เสียเวลาอ่าน…เอาล่ะครับบ่นพอหอมปากหอมคอไม่วายที่จะทิ้งท้ายสำหรับนักล่าเงินตราอย่างผม เก็บเอาไปคิดเล่นๆดูนะครับว่า… ” ความจนไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์ “

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การยืนยันแบบเสียค่าใช้จ่ายบน Facebook และ Instagram ส่งผลต่อการตลาดออนไลน์!

เบื่องานหรือเบื่อคนเอาจริงๆ

Demand-side platform (DSP) คืออะไร